5 เคล็ดลับฝึกลูกให้มีวิธีคิดแบบ Critical Thinking หรือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ตั้งแต่อายุยังน้อย

พฤษภาคม 08, 2562




นอกจาก ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน อีกทักษะสำคัญในยุค 4.0 นี้ คือ Critical Thinking หรือการคิดอย่างมีวิจารณญาณ

Critical Thinking คือทักษะการคิดที่เกิดจากความตั้งใจที่จะพิจารณาตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยการไม่เห็นคล้อยตามข้ออ้างต่างๆ แต่ตั้งคำถามท้าทาย หรือโต้แย้งข้ออ้างนั้นเพื่อเปิดแนวทางความคิดออกสู่ทางที่แตกต่าง อันนำไปสู่การแสวงหาคำตอบที่สมเหตุสมผล

ขอยกมือเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ว่าในยุคข้อมูลข่าวสารล้นโลกขนาดนี้ ทักษะที่สำคัญที่เราคิดว่าต้องสอนลูกคือ
  • การคัดสรรข้อมูข่าวสาร พิจารณาได้ว่าเรื่องใดจริงไม่จริง น่าเชื่อถือหรือไม่
  • ความสามารถในการแยกแยะความเห็นส่วนตัว,อคติ และตรรกะที่ผิดเพี้ยนจากความจริงได้
  • สามารถโต้แย้งด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักจากความคิดของตัวเอง
  • มองเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงของเหตุปัจจัยต่างๆอย่างเข้าใจจนวิเคราะห์ข้อสรุปที่ถูกต้องเชื่อถือได้ในที่สุด

Critical Thinking หรือการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นสิ่งที่เริ่มต้นสะสมมาในวัยเด็ก ลูกของเราเป็นนักคิดแบบไหน? เชื่อทุกอย่างที่เห็นในทีวีหรือไม่?  ลูกมักจะคิดหาวิธีทำอะไรบ้างอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ลูกต้องการมั้ย?

ความจริงคือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณไม่ได้มีไว้สำหรับสอนเด็กเท่านั้น บางครั้งผู้ใหญ่อย่างเราก็ต้องหมั่นฝึกการคิดเชิงวิเคราะห์และปรับปรุงทัศนคติเก่าๆที่ติดตัวมานานด้วย

แล้วเราจะสนับสนุนให้ลูกคิดอย่างมีวิจารณญาณตั้งแต่อายุยังน้อยได้อย่างไร?

ถึงจะไม่มีหลักสูตรไหนที่สอนลูกคิดอย่างมีวิจารณญาณได้อย่างสมบูรณ์แบบ  แต่หากอยากให้ลูกเก่งในการคิด เราจะต้องทำให้ลูกเชื่อว่าการคิดเป็นเรื่องสนุก พ่อแม่สามารถสร้างความสนุกสนานในการคิดให้ลูกได้ในชีวิตประจำวัน สอดแทรกได้แทบทุกกิจกรรม 

ดังนั้นงานเราจะเพิ่มมากขึ้นแน่นอนค่ะ ปกติเราอาจจะปล่อยให้ลูกๆได้เล่นอย่างอิสระ,ทำกิจกรรมที่ชอบอยู่แล้ว และจากที่เราเคยใช้เวลาทองนี้ก้มหน้าตาก้มตารีบทำแต่ธุระของเรา บางทีเราอาจจะต้องเพิ่มความไวต่อการรับรู้ เพิ่มการสังเกตุความเป็นไปของลูกเพื่อคอยหาจังหวะ เตรียมชุดคำถามเอาไว้ให้ลูกฝึกคิดกันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


เคล็ดลับและแนวคิดที่จะช่วยให้ลูกสร้างรากฐานพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ

1.ปล่อยให้ลูกๆได้เล่นอย่างอิสระ 

ช่วงเวลาที่ลูกเล่น ลูกจะสำรวจหาสาเหตุและผลโดยธรรมชาติ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโยนช้อนตกจากเก้าอี้กินข้าว ไหนลองซ้ำแล้วซ้ำอีกดูซิ จะเอาลูกแก้วสองลูกใส่ในขวดพร้อมกันได้มั้ย จะต่อบล็อคขึ้นไปให้สูงและสมดุลได้ยังไง ทุกการเล่นของลูกเราแค่ปล่อยให้ลูกลองทำอะไรและดูปฏิกิริยาที่ลูกตอบสนอง แล้วลองดูว่าถ้าเกิดเหตุเป็นอย่างอื่นลูกสามารถสร้างปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปได้มั้ยประสบการณ์ตรงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการคิดเชิงวิพากษ์ในภายหลัง

2.หยุดรอ อย่าเข้าไปแทรกแซงทันที  

ให้เวลากับลูกได้คิดได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า การรีบเข้าไปช่วยลูก จะทำให้กระบวนการคิดของลูกสะดุด เมื่อทุกอย่างทำง่าย แก้ไขง่ายด้วยการมีคนอื่นมาช่วยอย่างรวดเร็ว จะทำให้ลูกเสพติดการรอให้คนอื่นช่วยอยู่ตลอดเวลา แถมยังไม่อดทนที่จะรอรับการช่วยเหลืออีกด้วย สังเกตุจากเด็กที่หงุดหงิดโวยวายเมื่อทำอะไรเองไม่ได้และผู้ช่วยเหลือยังไม่ทันได้ช่วย

3.ถามคำถามปลายเปิด

"ลูกว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่" เคารพคำตอบของลูกไม่ว่าลูกจะตอบเป็นยังไง อาจจะถามต่อว่า
"น่าสนใจบอกแม่หน่อยได้มั้ย ทำไมลูกถึงคิดอย่างนั้น"
"แล้วลูกว่าเราจะทำยังไงกันดีละ" 
ถ้าลูกตอบไม่ได้หรือไม่รู้ ต้องหาคำถามที่ให้ลูกพยายามหาทางออก
แล้วลูกจะรู้ได้ยังไง” 
ลูกว่าเราจะหาวิธี(ข้อมูลเพิ่มเติม)แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ที่ไหนดี"  
การที่ให้ลูกตอบคำถามนี้เรายังสามารถประเมินว่าลูกได้รับข้อมูลจากที่ไหนเป็นหลัก

4.ช่วยให้เด็กพัฒนาสมมติฐาน 

สละเวลาของเราเพื่อตั้งสมมติฐานระหว่างการเล่นเพื่อฝึกหัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ลองถามลูกว่า"ถ้าเราทำแบบนี้ ลูกว่าจะเกิดอะไรขึ้น"หรือ"ลองทายดูซิ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น"

5.ส่งเสริมให้ลูกคิดใหม่และแตกต่าง  

การให้อิสระลูกในการคิดต่างเป็นการคอยช่วยให้ลูกฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถามคำถามลูกว่า
"ลูกมีไอเดียอื่นอีกมั้ย" 
"เราจะมีวิธีไหนได้อีก"หรือลองให้ลูกสร้างทางเลือกด้วยคำถาม 
"ลองคิดถึงวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ทั้งหมดดูมั้ย"

ในช่วงที่ลูกยังเล็ก การฝึกทักษะCritical Thinking เราอาจจะจำเป็นต้องก้าวเข้ามาช่วยสร้างสถานการณ์ที่พัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณทั้งของลูกและของตัวเราเองค่ะ เพราะลูกจะเรียนรู้จากการสังเกตว่าเราคิดอย่างไรด้วย
เมื่อลูกโตขึ้นเราสามารถตั้งถามเชิงวิเคราะห์กับลูกได้ทุกเรื่อง โดยที่เราเองก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่ลูกกำลังเรียนรู้อยู่ เพราะนี่คือการสอนให้พวกเขาคิดด้วยตนเอง เราไม่รู้เราก็ตั้งคำถามและเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกเลย ยิ่งลูกโตขึ้นบทบาทของเราจะยิ่งลดลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราจะมีหน้าที่แค่ตั้งใจฟังลูกเท่านั้นเอง   

เหนื่อยและเสียเวลาในตอนนี้ค่ะ เพราะทักษะCritical Thinking นั้นเป็นทักษะที่จำเป็นมากและฝึกยากที่สุด เพราะเป็นทักษะที่เป็นนามธรรม เป็นพื้นที่สีเทาจะผิดจะถูกมาจากการประเมินด้วยตัวเองล้วนๆ

และจริงแท้แน่นอนที่สุดคือ...
ในทุกสาขาอาชีพ ทุกลักษณะงานในองค์กร โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ จำเป็นต้องใช้ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณในการแก้ปัญหาทั้งสิ้น



สำหรับบ้านที่ลูกๆชอบเล่นเกมส์แบบฝึกหัด สามารถตามไปโหลดเกมส์ฝึกการคิดได้ฟรีที่นี่ค่ะ critical-thinking-worksheets



You Might Also Like

0 Comments

โพสต์ใหม่ล่าสุด

Sponsor Ad

โพสต์ยอดนิยม

Sponsor