การเรียนรู้เรื่องสัตว์เลี้ยงมีความสำคัญอย่างไร?
การศึกษาของนักจิตวิทยาและนักการศึกษาพบว่า การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีผลต่อการพัฒนาทางด้านจิตใจ
อารมณ์ และสังคมของเด็กอย่างน่าอัศจรรย์ ลูกๆบ้านไหนกำลังอยู่ในช่วงวัยอยากมีสัตว์เลี้ยง
คุณพ่อคุณแม่สามารถลองตัดสินใจได้จากข้อดีต่างๆดังนี้ค่ะ
8 ข้อดีของการให้ลูกดูแลสัตว์เลี้ยง
1.เด็กจะได้สังเกตธรรมชาติของสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ตรงสำหรับการเรียนรู้เรื่องของสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยง เช่น ชนิด รูปร่าง ลักษณะ ที่อยู่ อาหาร การดูแลรักษา วงจรชีวิตของสัตว์แต่ละประเภท
2.เรียนรู้คุณค่าของชีวิตสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภท ที่สามารถเป็นที่พึ่งของมนุษย์ได้
เช่น สุนัข เป็นยามเฝ้าบ้าน ระวังโจร ขโมย และ แมว ปลา กระต่าย นก รวมถึงสัตว์เลี้ยงอีกหลายชนิด
สามารถเป็นที่พึ่งใจให้คนเราคลายความเหงา
3.ฝึกพัฒนาการทางด้าน EQของเด็ก ช่วยลดการยึดตนเองเป็นสำคัญ รู้จักให้ความรักและมีความเห็นใจสัตว์เลี้ยง ฝึกให้มีจิตเมตตา มีจิตใจที่อ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
4.ฝึกความรับผิดชอบ มีวินัย จากหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในการช่วยดูแลสัตว์ในกิจวัตรประจำวัน
การเลี้ยงสัตว์จะต้องดูแลให้อาหารสัตว์เป็นเวลา
ช่วยบ่มเพาะนิสัยความเป็นระเบียบหรือวินัย
5.ฝึกพัฒนาการด้าน Self Esteem เด็กจะรู้สึกเป็นที่รัก รู้สึกถึงความมีตัวตน มีความสำคัญ และมีความภูมิใจในตัวเองอย่างมากเวลาที่สัตว์แสดงความรักตอบ หรือเวลาที่ได้รับคำชมจากคนรอบข้างเมื่อทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
6.ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เวลาว่างของเด็กๆสมัยนี้ถูกหน้าจอสี่เหลี่ยมทั้งหลายไม่ว่าจะจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ จอแท็บเล็ตแย่งเวลาไปอย่างน่ากลัว
การให้ลูกเลี้ยงสัตว์จะช่วยให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
7.มีงานวิจัยของจากศูนย์วิจัยเพื่อสิ่งแวดล้อมของสุขภาพจากประเทศเยอรมนีว่าเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงในบ้านจะมีสารต่อต้านเชื้อโรคในร่างกายสูง มีแอนติบอดีสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคเรื้อน โรคภูมิแพ้อากาศ มากกว่าเด็กที่บ้านไม่มีสัตว์เลี้ยงถึง5เท่า
และข้อสุดท้าย
8.ต่อยอดการเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด การเลี้ยงสัตว์เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยต่อยอดการเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้จบ
โดยธรรมชาติเด็กจะเริ่มต้นเปิดประตูการเรียนรู้จากสิ่งที่เค้าสนใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ถ้าเด็กเกิดสนใจสัตว์เลี้ยงมากก็จะกระตุ้นให้เด็กหาทุกคำตอบที่เค้าอยากรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง อีกทั้งพ่อแม่ยังสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องสัตว์เลี้ยงได้อีกมากมายด้วยนะคะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านที่ต้องเลี้ยงสัตว์ค่ะ
เพราะในยุคสมัยนี้ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่การใช้ชีวิตของเราอาจจะไม่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังถูกลูกอ้อนอยากมีสัตว์เลี้ยง ก่อนจะตัดสินใจซื้อขอให้เช็คความพร้อมภายในครอบครัวกันก่อน
เพราะการเลี้ยงสัตว์นี่มันก็เหมือนมีสมาชิกเพิ่มในครอบครัว
ดังนั้นต้องมั่นใจว่าลูกและเราจะเลี้ยงสัตว์ได้จริง
ดูแลเค้าได้ตลอดรอดฝั่งจริงค่ะ
5 ข้อเช็คความพร้อมก่อนให้ลูกเลี้ยงสัตว์
1.ความพร้อมของลูก
ลูกอยู่วัยไหน ดูแลตัวเองได้บ้างรึยัง เด็กๆเล็กยังเล่นกับสัตว์แรงยั้งมือยังไม่เป็นนี่ก็ยังไม่ควรเลี้ยง ยิ่งถ้าลูกไม่มีใจนี่อย่าบังคับให้ลูกต้องเลี้ยงเลยค่ะเพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน การที่เด็กคนหนึ่งไม่ชอบเล่นกับสัตว์ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าเป็นเด็กผิดปกติแต่อย่างใด
2.สุขภาพลูก
ลูกแพ้อะไร ถ้าลูกแพ้ขนหมาขนแมวมั้ย ควรเช็คก่อนจะตัดสินใจซื้อสัตว์มาเลี้ยง
เพราะถ้าซื้อมาแล้วปรากฎว่าลูกแพ้แล้วต้องหาบ้านใหม่ให้สัตว์อาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจทั้งของลูกและสัตว์เลี้ยง
3.เลือกสัตว์ให้เหมาะสภาพครอบครัว
อย่างเช่น อยากเลี้ยงหมา
บ้านก็จำเป็นต้องมีพื้นที่กว้างให้มันวิ่งเล่น
เลี้ยงอยากเลี้ยงแมวขนฟูก็ต้องเลี้ยงในห้องแอร์ อยากเลี้ยงนก บ้านมีหมามีแมวมั้ย หรือถ้าลูกยังเล็กลองเลี้ยงสัตว์ที่เลี้ยงไว้เฝ้ามองอย่างเดียวไม่ต้องเล่นหรือรับผิดชอบอะไรมาก
สัตว์วงจรชีวิตสั้นอย่าง หนอนผีเสื้อ,หอยทาก,ปูเสฉวน,ประมาณนี้ค่ะ
4.เวลา
อันนี้สำคัญมาก การที่จะดูแลสัตว์สักตัวเราต้องมีเวลาให้และต้องรับผิดชอบไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
ลูกๆของเราตางรางเวลาแน่นจนไม่มีเวลาพอที่จะดูแลสัตว์มั้ย
เพราะถ้าเกิดลูกเลิกเลี้ยงกลางทางพ่อแม่ก็ต้องรับมือต่อไปค่ะ
5.เงิน
เพราะไม่ใช่แค่ซื้อสัตว์มาเลี้ยงแล้วจบ
ยังมีค่าอาหาร,ค่ายา,ค่าอุปกรณ์การเลี้ยง,ค่าวัคซีนที่เราจะต้องดูแลรับผิดชอบไปจนตลอดชีวิตของสัตว์เลี้ยงค่ะ
ถ้าตรองแล้วเรายังไม่พร้อมหรือไม่สะดวก
ก็ต้องต่อรองและหาวิธีปฏิเสธลูกแบบละมุนละม่อมนะคะ