โฮมสคูล คือแนวทางการสอน ทางออกสำหรับศตวรรษที่ 21

ตุลาคม 07, 2561

ผู้เขียน: คริส เวลเลอร์
มีคุณแม่ท่านหนึ่ง ชื่อ อลิสัน เดวิส อาศัยอยู่ที่เมือง Williamstown, รัฐ New Jersey ได้พูดถึงการจัดการสอนให้ลูก 2 คนที่บ้าน เธอบอกว่า “โฮมสคูลไม่ใช่ทางเลือกที่แปลกประหลาดไปจากการเรียนที่โรงเรียนปกติ”
“คุณจะไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบรรยากาศที่ต้องทำงานกับเพื่อนที่จบจากโรงเรียนเดียวกันและอายุเท่ากัน ในความเห็นของฉัน สภาพบรรยากาศการเรียนในโรงเรียนไม่ใช่โลกแห่งความจริงเลย”
คุณเดวิส รู้สึกพอใจที่ไม่ต้องให้ลูกๆ เข้าเรียนในโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชนที่แต่ละปีจะต้องอยู่ร่วมกันกับผู้ปกครองที่ค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นทุกๆปีทั่วสหรัฐอเมริกา ข้อมูลล่าสุด ที่จัดทำโดยกระทรวงศึกษาธิการพบว่าการศึกษาเองที่บ้านได้เติบโตขึ้น 61.8% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนสูงถึง2 ล้านคน – 4% ของประชากรเป็นวัยรุ่นทั้งหมด – รู้สึกสะดวกสบายที่เรียนเองที่บ้าน
เคยมีความเชื่อที่ว่า ระบบโฮมสคูลกำลังผลิตเด็กที่ต่อต้านสังคม หรือ ปลีกวิเวกจากสังคม แต่ตรงกันข้าม เด็กบางส่วนที่สามารถปรับตัวได้ดีในการเรียนเองที่บ้านก็ประสบความสำเร็จในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่โต๊ะกินข้าวในครัว ไม่ใช่ที่โต๊ะในห้องเรียน มีการวิจัยว่า การเรียนเองที่บ้านฝึกฝนให้เด็กมีความรับผิดชอบและเป็นวิธีการศึกษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดใน ศตวรรษที่ 21 ก็ว่าได้



การปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องสำคัญ
คุณครู เคน โรบินสัน ได้เขียนหนังสือชื่อ “Creative Schools: The Grassroots Revolution That’s Transforming Education” ในปี 2015  เน้นย้ำว่านักเรียนเรียนรู้ดีที่สุดในระดับที่ตัวเองพอใจและในสิ่งที่พอใจ “นักเรียนแต่ละคนมีความหวัง มีพรสวรรค์ มีความวิตกกังวล มีความกลัว มีความปรารถนา และมีแรงบันดาลใจ ไม่เหมือนกัน”  การมีส่วนร่วมกับพวกเขาในฐานะคนคนหนึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับความสำเร็จ”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ชี้นำไปที่ระบบการเรียนโฮมสคูล แต่เขาอาจจะกำลังพูดถึงอยู่ก็ได้ รูปแบบการศึกษาไม่ได้ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด
ในขณะที่โรงเรียนปกติพยายามจะปรับแผนการสอนให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน  คุณครูมักจะสอนจบที่ระดับกลาง เพราะว่ามีนักเรียนหลายคนมีระดับความเข้าใจในเนื้อหามีไม่เท่ากัน คุณครูก็เลยให้ความรู้ ไม่ตรงกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน “การเรียนเองที่บ้านจึงถูกออกแบบมา เพื่อนักเรียนแต่ละคน”
คุณเดวิส เล่าให้ฟังว่า “ลุค” ลูกชายของเธอมีปัญหาเรื่องการอ่าน จนถึง เกรด 2 ลูกก็รู้สึกว่า ไม่สนุกและเริ่มรู้สึกว่าเกินจะรับได้ ถ้าอยู่ในโรงเรียนครูอาจไม่สามารถใช้เวลาที่จำเป็นเพื่อช่วยนักเรียนเพียงคนเดียว ให้อ่านได้คล่องแคล่ว เพราะมีเด็กนักเรียนอีก 20 คน ที่ครูต้องเป็นห่วงอีก
“ฉันสามารถให้เวลากับลูกมากเป็นพิเศษ”  ช่วงเวลาที่อ่านหนังสือด้วยกัน มันมากกว่าการสอนอ่านอย่างเดียว แต่เป็นเวลาสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นแบบ ลูก-แม่ กับ  แม่-ลูก บางสิ่งบางอย่างที่โรงเรียนแข่งขันไม่ได้ “ตอนนี้ลูกชายฉัน จะจมปลักอยู่กับการอ่านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หรือน้อยกว่า”
จากการศึกษาผลกระทบมาระยะหนึ่ง พบว่า ใน ปี 2009 มีเด็กโฮมสคูลผ่านเกณฑ์การสอบระดับมาตรฐาน ได้คะแนนเฉลี่ย 86 เปอร์เซ็นต์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะที่มีปัจจัยกระทบจากระดับรายได้ของพ่อแม่ จำนวนการศึกษา จำนวนหน่วยกิตที่สอน และกฏระเบียบของรัฐ การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่ามีจำนวนเด็กที่เรียนเองที่บ้านสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้มากขึ้นและผลการเรียนดีมากหลังจากเข้าเรียนไปแล้ว
ไม่, โฮมสกูลไม่สร้างคนสันโดษ
รูปแบบที่ใหญ่ที่สุดของระบบโฮมสคูลคือการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัว  ทำให้เด็ก ๆ ต้องออกจากสังคมที่เด็กต้องการเจริญเติบโต ใครบอกล่ะ เด็กในระบบโฮมสคูล ก็ชอบเล่นฟุตบอลในทีมและทำรายงานกลุ่มได้เหมือนกับนักเรียนคนอื่น ๆทั่วไปนะ
ครอบครัวของคุณเดวิส มีส่วนร่วมกับคริสตจักรแถวๆบ้าน  ดังนั้น “ลุค” และพี่สาวของเขา “อาแมนด้า” จึงมีเพื่อนในคณะนักร้องประสานเสียง พวกเขาทั้งสองเล่นเครื่องดนตรีได้ จึงมีเพื่อนในวงออเคสตร้าที่เรียนโฮมสคูลเหมือนกัน พวกเขาจะเกาะกลุ่มในโซนของเด็ก  อแมนดามีเพื่อนทางจดหมายที่อาศัยอยู่ในรัฐแอริโซนา พวกเขาได้เติบโตขึ้นอย่างสวยงามตามวัยเด็กเหมือนเด็กทั่วๆไป
การไม่ต้องไปโรงเรียน เด็กๆจะสนุกมาก เพราะการที่พวกเขาพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เช่น การถูกเพื่อนล้อเลียนชื่อ การถูกกลั่นแกล้งทางจิตใจจากเพือ่นๆที่โรงเรียน บางครั้ง อาแมนด้า เห็นว่ามีเด็กบางคนแอบอิจฉาที่ พี่น้องคู่นี้เรียนที่บ้านและไม่ต้องไปวุ่นวายกับการถูกแบ่งชนชั้นในโรงเรียน
“พวกเขาบอกว่า ….โอว…ฉันอยากจะเรียนที่บ้านจัง” เธอกล่าว “ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก”

แน่นอนว่า พ่อแม่บางคนกำลังประสบปัญหาในการพยายามที่จะให้ลูกมีเพื่อน
เมื่อต้นปีที่แล้วผมได้ให้สัมภาษณ์เด็กที่ฉลาดสุดโต่งคนหนึ่ง ชื่อ อะคาช อายุ 7 ปี อาศัยอยู่ใน San Angelo รัฐ Texas  เขาเรียนหนังสือที่บ้านเพราะนักจิตวิทยาเด็กที่ศึกษาเขาตอนที่เขาเป็นเด็กวัยหัดเดินบอกพ่อแม่ของเขาว่าอาจเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด  (แอดมิน->  อะคาช เป็นเด็กอัจฉริยะ อ่านหนังสือและแข่งขันสะกดคำศัพท์ระดับประเทศตั้งแต่อายุ 2 ขวบ)
เพื่อนที่ดีที่สุดของ อะคาช- อาจจะเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา – คือพี่สาวของเขา แอริต้า เด็กส่วนใหญ่ในชุมชนเด็กบ้านเรียนละแวกใกล้เคียงของเขามีอายุมากเกินไปหรือแตกต่างกันมากเกินไปที่พ่อแม่ของเขาจะนัดหมายให้มาเล่นด้วยกันได้ ถึงแม้ว่า อะคาช จะเด๋อด๋าและชอบออกสังคมก็ตาม
เด็ก ๆ ที่ติดขัดเรื่องการเรียน มักจะถูกแนะนำให้เรียนทางอินเทอร์เน็ตเพื่อความเข้่าใจง่ายขึ้น จากการสำรวจของ Pew เมื่อปีที่แล้วพบว่า 55% ของวัยรุ่นกล่าวว่าพวกเขามักใช้เวลากับเพื่อนออนไลน์หรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์และ 45% กล่าวว่าพวกเขาพบกันผ่านทางกีฬาหลักสูตรพิเศษหรืองานอดิเรกซึ่งแสดงให้เห็นว่าห้องเรียนไม่ได้เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ที่เป็นหนทางทำความรู้จักกับเพื่อน.

โรงเรียนคือการทำงานหนักมากเกินไป
การเรียนในโรงเรียนทำให้เด็กเกิดความเครียด เราคาดหวังว่าโรงเรียนจะช่วยให้เด็ก ๆ กลายเป็นคนเก่ง และไม่ต่อต้านสังคม มีร่างกายที่แข็งแรง แต่ไม่โง่  สามารถพึ่งพาตนเองได้ รู้จักการให้ความร่วมมือและเตรียมพร้อมเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยด้วย
ได้มีการถกประเด็นว่า พวกเขาได้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการหรือยัง การสำรวจนักเรียนมัธยมจำนวน 165,000 คนพบว่ามีนักเรียนน้อยกว่าครึ่งที่เตรียมตัวสำหรับการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและอื่น ๆ
บางทีนั่นอาจเป็นเพราะการให้งานนักเรียนล้นมือจะทำให้งานออกมาดีเลิศ และทำให้พ่อแม่พอใจ บางทีครอบครัวของคุณเดวิส ได้ค้นพบความสำเร็จเกี่ยวกับลูกๆของเธอ ลุคและอแมนดาเพราะเธอสามารถปลีกเวลากับงานยุ่งและข้อห้ามต่างๆ ได้ โดยเน้นที่เด็ก ๆ ต้องการอะไร
“โรงเรียนต้องเอาบรรดาข้อสอบต่างๆ หลักสูตรต่างๆ  และวิชาเลือกทั้งหมดเหล่านี้มาใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงได้” เธอกล่าว “แต่สิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ว่าคุณจะมีชีวิตอยู่จริง”

แปลไทย: ป้านกฮูก
ที่มา : https://tgihomeschool.wordpress.com

You Might Also Like

0 Comments

โพสต์ใหม่ล่าสุด

Sponsor Ad

โพสต์ยอดนิยม

Sponsor